การประเมินความเสี่ยงก่อนเข้า “ที่อับอากาศ” ต้องดูอะไรบ้าง

by pam
3 views

“ที่อับอากาศ” (Confined Space) เป็นพื้นที่ทำงานที่มีข้อจำกัดด้านทางเข้า-ออก อากาศถ่ายเทไม่สะดวก และมีความเสี่ยงต่อชีวิตของผู้เข้าไปทำงาน หากไม่มีการประเมินความเสี่ยงและเตรียมความพร้อมอย่างเหมาะสม การทำงานในพื้นที่เหล่านี้อาจนำไปสู่เหตุการณ์ร้ายแรง เช่น ขาดอากาศหายใจ สำลักแก๊สพิษ หรือเกิดระเบิดจากไอระเหยของสารไวไฟ

การประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment) จึงเป็นกระบวนการที่สำคัญยิ่งก่อนการเข้าไปทำงานในที่อับอากาศ ซึ่งไม่ใช่เพียงการตรวจวัดแก๊สเท่านั้น แต่ยังต้องพิจารณาปัจจัยหลายด้านทั้งด้านกายภาพ เคมี การทำงานร่วมกัน และแผนฉุกเฉิน เพื่อให้สามารถจัดการควบคุมความเสี่ยงได้อย่างครอบคลุม

ความหมายของ “ที่อับอากาศ” และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ที่อับอากาศ (Confined Space) ตามประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน หมายถึง พื้นที่ที่ไม่ได้ออกแบบมาให้มนุษย์เข้าไปอยู่ทำงานเป็นประจำ มีทางเข้าออกจำกัด และอาจมีสภาพบรรยากาศที่เป็นอันตรายต่อชีวิตได้ เช่น ถังเก็บสารเคมี บ่อบำบัดน้ำเสีย ท่อขนาดใหญ่ ห้องใต้ดิน ห้องเก็บของในเรือ ฯลฯ

กฎหมายที่เกี่ยวข้องได้แก่:

หลักการเบื้องต้นในการประเมินความเสี่ยง ที่อับอากาศ

การประเมินความเสี่ยงในที่อับอากาศสามารถดำเนินการตามหลัก 5 ขั้นตอน ดังนี้:

  1. ระบุอันตราย (Hazard Identification): ตรวจสอบว่ามีอันตรายอะไรอยู่ในพื้นที่ เช่น แก๊สพิษ ออกซิเจนต่ำ ความร้อน ความแออัด สารไวไฟ ฯลฯ

  2. ประเมินความเสี่ยง (Risk Evaluation): วิเคราะห์ความรุนแรงและโอกาสของอันตรายนั้นๆ

  3. กำหนดมาตรการควบคุม (Control Measures): วางแผนควบคุมความเสี่ยง เช่น การระบายอากาศ การใส่อุปกรณ์ป้องกัน การอนุญาตเข้าทำงาน ฯลฯ

  4. จัดทำแผนฉุกเฉิน (Emergency Plan): เตรียมแผนช่วยเหลือผู้ประสบเหตุในกรณีฉุกเฉิน

  5. ทบทวนและปรับปรุง: ปรับปรุงการประเมินตามสถานการณ์หรือหลังเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด

รายการที่ต้องประเมินก่อนเข้าที่อับอากาศ

รายการที่ต้องประเมินก่อนเข้า “ที่อับอากาศ”

1. ลักษณะกายภาพของพื้นที่

  • มีขนาดเล็กหรือทางเข้าจำกัดหรือไม่

  • ความสูง ความลึก และการเข้าถึงพื้นที่ทำได้ยากหรือไม่

  • มีการระบายอากาศตามธรรมชาติหรือไม่

ตามมาตรฐานสากล OSHA และ NIOSH พื้นที่ที่มีทางเข้าเล็กกว่า 24 นิ้วถือว่าเสี่ยงสูง ต้องใช้ความระมัดระวังในการเข้าออกเป็นพิเศษ

2. ประเภทของสารเคมีหรือแก๊สที่อาจพบ

  • มีสารไวไฟ เช่น ไอระเหยจากทินเนอร์ น้ำมัน เบนซิน ฯลฯ

  • มีสารพิษ เช่น ไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H₂S), คาร์บอนมอนอกไซด์ (CO)

  • มีการสะสมของก๊าซเฉื่อย เช่น ไนโตรเจน อาร์กอน ทำให้ออกซิเจนต่ำ

3. วัดระดับออกซิเจนในพื้นที่

ควรตรวจสอบระดับออกซิเจนก่อนเข้าทุกครั้ง โดยระดับที่ปลอดภัยคือระหว่าง 19.5% ถึง 23.5% หากต่ำกว่า 19.5% ถือว่า “ขาดอากาศหายใจ”

4. ตรวจวัดบรรยากาศในพื้นที่

ผู้ปฏิบัติงานจะต้องใช้ Gas Detector ในการตรวจวัดความเข้มข้นของสารเคมีแต่ละประเภทในพื้นที่อับอากาศ ซึ่งเป็นเกณฑ์ประเมินความเสี่ยงและอุปกรณ์ PPE ที่เหมาะสมกับงาน

  • ออกซิเจน (O₂)

  • แก๊สไวไฟ (LEL – Lower Explosive Limit)

  • แก๊สพิษต่างๆ เช่น H₂S, CO และอื่นๆ

การตรวจวัดแก๊สควรทำอย่างน้อย 3 ระดับของพื้นที่ ได้แก่ ด้านบน กลาง และล่าง เนื่องจากก๊าซแต่ละชนิดมีความถ่วงจำเพาะต่างกัน

5. ความเสี่ยงจากการทำงานในพื้นที่

  • การเชื่อม ตัด หรือใช้เครื่องจักรอาจทำให้เกิดประกายไฟ

  • การใช้สารเคมีในการล้างหรือเคลือบผิว

  • ความเสี่ยงจากการทำงานของหลายหน่วยงานพร้อมกัน

6. สภาพร่างกายของผู้เข้าไปทำงาน

ต้องมีการตรวจสุขภาพให้เหมาะสมกับลักษณะงาน เช่น ตรวจระบบทางเดินหายใจ และต้องไม่มีโรคประจำตัวที่อาจเป็นอันตรายในพื้นที่อับอากาศ เช่น โรคหอบหืด ความดันสูง หรือโรคหัวใจ

7. เตรียมอุปกรณ์ช่วยชีวิต หรือ PPE ให้พร้อม

ต้องมีอุปกรณ์ที่เหมาะสมและผ่านการตรวจสอบ ได้แก่:

  • เครื่องช่วยหายใจ (SCBA)

  • เครื่องวัดแก๊ส

  • เชือกนิรภัยและชุดช่วยดึงกลับ

  • ระบบสื่อสารภายในกับภายนอก

แบบฟอร์มอนุญาตทำงานในที่อับอากาศ

การใช้ “แบบฟอร์มอนุญาตทำงานในที่อับอากาศ” (Work Permit)

แบบฟอร์ม Work Permit เป็นสิ่งสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าการทำงานได้รับอนุญาต โดยมีการประเมินความเสี่ยงและมีมาตรการควบคุมแล้ว โดยต้องมีลายเซ็นของผู้ควบคุมงานและหัวหน้าความปลอดภัย รวมทั้งข้อมูล เช่น:

  • รายชื่อผู้เข้าพื้นที่

  • รายการตรวจวัดแก๊ส

  • รายการอุปกรณ์ที่ต้องใช้

  • ระยะเวลาทำงาน

  • แผนฉุกเฉิน

สำหรับผู้ที่ไม่เข้าใจว่าต้องทำแบบฟอร์มขออนุญาตทำงานในที่อับอากาศยังไง สามารถดูตัวอย่างเพิ่มเติมสำหรับทั้งงานที่อับอากาศ แบบงานความเสี่ยงอื่นๆ ได้ที่ >> แบบฟอร์ม Permit

เตรียมพร้อมแผนฉุกเฉินและซ้อมแผน

แม้จะมีมาตรการป้องกันดีแค่ไหน แต่หากเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น ผู้ปฏิบัติงานหมดสติ หรือระบบระบายอากาศขัดข้อง ทีมช่วยเหลือต้องสามารถเข้าไปช่วยได้ทันที การซ้อมแผน (Emergency Drill) เป็นสิ่งที่ต้องทำสม่ำเสมอ

จัดฝึกอบรมที่อับอากาศ
สำหรับพนักงาน

จัดฝึกอบรมและให้ความรู้กับพนักงานที่ทำงานในที่อับอากาศ

การทำงานในที่อับอากาศต้องมีความรู้เฉพาะทาง และ ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป ต้องผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรที่ได้รับการรับรอง เช่น:

สรุป: ก่อนเข้า “ที่อับอากาศ” อย่ามองข้ามการประเมินความเสี่ยง

การทำงานในที่อับอากาศไม่สามารถพึ่งความชำนาญหรือประสบการณ์เพียงอย่างเดียวได้ ความเสี่ยงที่อาจมองไม่เห็น เช่น การสะสมของก๊าซพิษ หรือการเปลี่ยนแปลงของระดับออกซิเจนแบบฉับพลัน อาจเป็นภัยที่คร่าชีวิตได้ทันที

ดังนั้น การประเมินความเสี่ยงจึงเป็นหัวใจสำคัญ เพื่อช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานกลับออกมาอย่างปลอดภัยทุกครั้ง และควรดำเนินการร่วมกับทีมงานที่มีความรู้และประสบการณ์ พร้อมอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานและมีแผนรับมือเหตุฉุกเฉินอย่างครบถ้วน

สนใจอบรมหลักสูตรที่อับอากาศ 4 ผู้

ศูนย์ฝึกอบรมที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี มีทั้งหลักสูตรสำหรับผุ้ปฏิบัติงาน ผู้ควบคุม ผู้อนุญาต และผู้ช่วยเหลือในที่อับอากาศ พร้อมจัดอบรมทั้งแบบ In-house ทั่วประเทศ

📞 ติดต่อสอบถามหรือขอใบเสนอราคาได้ที่
โทร: 064 958 7451 คุณแนน
อีเมล: [email protected]
เว็บไซต์: www.อบรมที่อับอากาศ.com


อ้างอิง

  1. กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน. (2547). ประกาศเรื่อง ความปลอดภัยในการทำงานในที่อับอากาศ.

  2. กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน. (2549). กฎกระทรวงว่าด้วยการจัดการความปลอดภัยฯ

  3. Occupational Safety and Health Administration (OSHA). (2005). Confined Spaces Standard 29 CFR 1910.146

  4. National Institute for Occupational Safety and Health (NIOSH). (2010). Preventing deaths in confined spaces

  5. สมาคมวิชาชีพระบบความปลอดภัยในการทำงาน (2563). คู่มือการประเมินและปฏิบัติงานในที่อับอากาศ.


บทความที่น่าสนใจ

บริษัท เซฟตี้ เมมเบอร์ จํากัด

ทะเบียนนิติบุคคลเลขที่ : 0105565144344

 

เวลาทำการ : จันทร์ – เสาร์ (8.00 – 17.00 )

ติดต่อ

Copyright @2025 อบรมที่อับอากาศ Developed website and SEO by iPLANDIT