ค่า CFM ที่เหมาะสมกับพื้นที่อับอากาศ พร้อมวิธีคำนวณสำหรับผู้ปฏิบัติงาน

by pam
12 views

การทำงานในพื้นที่อับอากาศ (Confined Space) นั้นเป็นกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะในเรื่องของการขาดออกซิเจน การสะสมของก๊าซพิษ หรือไอระเหยที่ติดไฟได้ ดังนั้น “การระบายอากาศ” จึงเป็นหัวใจสำคัญในการควบคุมความปลอดภัยในพื้นที่ดังกล่าว หนึ่งในคำถามที่พบได้บ่อยจากผู้ประกอบการหรือผู้รับผิดชอบความปลอดภัยคือ “เราจะรู้ได้อย่างไรว่าควรใช้กี่ CFM ในการระบายอากาศ?”

พื้นที่อับอากาศ คืออะไร?

พื้นที่อับอากาศ หมายถึง พื้นที่ซึ่งมีทางเข้าออกจำกัด มีการถ่ายเทอากาศไม่ดี และไม่ได้ออกแบบไว้สำหรับการทำงานประจำ แต่ในบางช่วงเวลาอาจต้องมีคนเข้าไปทำงาน เช่น ถังเก็บสารเคมี, ท่อระบายน้ำ, บ่อบำบัดน้ำเสีย, ห้องเก็บน้ำใต้ดิน เป็นต้น

การเข้าไปทำงานในพื้นที่เช่นนี้จำเป็นต้องมีการระบายอากาศที่เหมาะสมก่อนและระหว่างการปฏิบัติงาน เพื่อควบคุมความเข้มข้นของสารอันตรายและเพิ่มระดับออกซิเจนให้อยู่ในช่วงที่ปลอดภัย

ความหมายของค่า CFM และ ACH

CFM (Cubic Feet per Minute) คือ ค่าที่บ่งบอกถึงปริมาณของอากาศที่ถูกระบายออกหรือเป่าเข้าไปในพื้นที่ ต่อหน่วยเวลา (ลูกบาศก์ฟุต/นาที)

ACH (Air Changes per Hour) คือ จำนวนครั้งที่อากาศภายในพื้นที่นั้นถูกเปลี่ยนใหม่โดยสมบูรณ์ภายในหนึ่งชั่วโมง

ช่วยตัดสินใจเลือกใช้ขนาดพัดลมดูดอากาศ ที่ใช้ในที่อับอากาศ

สูตรคำนวณค่า ACH และค่า CFM

สูตรคำนวณค่า ACH

สูตรคำนวณค่า ACH

โดยที่:

  • CFM = อัตราการไหลของอากาศ (ลูกบาศก์ฟุตต่อนาที)

  • V = ปริมาตรของพื้นที่อับอากาศ (ลูกบาศก์ฟุต)

  • 60 = แปลงหน่วยจากนาทีเป็นชั่วโมง

หากต้องการทราบว่าเราควรใช้ CFM เท่าใด เพื่อให้ได้ ACH ตามมาตรฐาน (เช่น 6 ACH หรือ 10 ACH) สามารถใช้สูตรแปลงกลับได้ดังนี้:

สูตรคำนวณค่า CFM

มาตรฐานการระบายอากาศในพื้นที่อับอากาศ

ตามแนวทางของ NIOSH และ OSHA มีคำแนะนำว่า ควรมีการระบายอากาศให้ได้อย่างน้อย 6 ACH ถึง 10 ACH ก่อนเริ่มงาน และควรรักษาการไหลเวียนของอากาศให้คงที่ตลอดช่วงเวลาที่มีคนทำงานอยู่ภายใน

ตัวอย่างการคำนวณจริง

แบ่งเป็นกรณีต่างๆดังนี้

1. ถังทรงกระบอก

สมมุติ: ถังเก็บของเหลวขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2 เมตร สูง 3 เมตร

คำนวณปริมาตร (V):

V = πr2h

      = 3.14×(1)2×3 = 9.42 ลูกบาศก์เมตร

1ลูกบาศก์เมตร = 35.3147ลูกบาศก์ฟุต ⇒ V = 9.42×35.3147 = 332.6 ลูกบาศก์ฟุต

ต้องการ 10 ACH:

CFM = (10×332.6) / 60

= 55.43 CFM

ดังนั้นควรใช้เครื่องเป่าลมที่สามารถจ่ายอากาศได้อย่างน้อย 60 CFM

2. ท่อใต้ดิน

สมมุติ: ท่อทรงกระบอกยาว 10 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 1 เมตร

V = πr2h

      = 3.14×(0.5)2×10 = 7.85 ลูกบาศก์เมตร

1ลูกบาศก์เมตร = 35.3147ลูกบาศก์ฟุต ⇒ V = 7.85×35.3147 = 277.5 ลูกบาศก์ฟุต

ต้องการ 10 ACH:

CFM = (10×277.5) / 60

= 46.25 CFM

ใช้พัดลม 50 CFM ขึ้นไป

3. บ่อปั๊ม

สมมุติ: ขนาด 2 เมตร x 2 เมตร x ลึก 2 เมตร = 8 ลบ.ม.

8 ลบ.ม.= 282.5 ลูกบาศก์ฟุต

CFM = (10×282.5) / 60 = 47.1 CFM 

ใช้พัดลม 50 CFM ขึ้นไป

ตารางเปรียบเทียบค่า CFM ตามขนาดพื้นที่

ปริมาตรพื้นที่ (ลบ.ม.) ปริมาตร (ลบ.ฟุต) CFM ที่ 6 ACH CFM ที่ 10 ACH ขนาดพัดลมที่แนะนำ
5 176.6 17.6 29.4 50 CFM
10 353.1 35.3 58.9 100 CFM
15 529.7 52.9 88.2 150 CFM
20 706.3 70.6 117.7 200 CFM
30 1059.4 105.9 176.5 250-300 CFM
50 1765.7 176.6 294.3 400-500 CFM

หมายเหตุ: ค่า CFM ที่ใช้จริงควรเผื่อค่าเสียดทานในท่อ, ความยาวของสายท่อลม, หรืออุปสรรคภายในพื้นที่ด้วย (แนะนำให้เพิ่ม 10–20% จากค่าที่คำนวณได้)

การระบายอากาศในพื้นที่อับอากาศ

 ข้อแนะนำเพิ่มเติมในการระบายอากาศพื้นที่อับอากาศ

  • ใช้เครื่องเป่าลมชนิด Explosion-proof ในพื้นที่ที่มีไอระเหยติดไฟ

  • วางท่อดูดอากาศให้ใกล้พื้นที่สุดเพื่อลดก๊าซที่หนักกว่าอากาศ เช่น H₂S หรือ CO₂

  • ควรใช้การเป่าเข้า (positive pressure ventilation) มากกว่าการดูดออก ในกรณีที่สภาพอากาศภายนอกปลอดภัย

  • ตรวจวัดค่าก๊าซก่อนเข้าและระหว่างการทำงานเสมอด้วยเครื่อง Multi-Gas Detector

ควรอบรมเพื่อความปลอดภัยก่อนเข้าไปในพื้นที่อับอากาศ

แม้ว่าการคำนวณค่า CFM และการเลือกอุปกรณ์ระบายอากาศจะช่วยลดความเสี่ยงได้มาก แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ การฝึกอบรมให้ผู้ปฏิบัติงานเข้าใจและปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง โดยทั่วไปแล้วนายจ้างจะจัด อบรมอับอากาศ 4 ผู้ ให้กับลูกจ้างเพื่อให้เข้าใจบทความการทำงานของแต่ละตำแหน่งที่ถูกต้อง

เนื้อหาการอบรมควรประกอบด้วย:

  • การประเมินความเสี่ยงพื้นที่อับอากาศ

  • การใช้และตรวจสอบอุปกรณ์วัดก๊าซ

  • การระบายอากาศอย่างถูกต้อง

  • การใช้เครื่องช่วยหายใจและอุปกรณ์ PPE

  • การช่วยเหลือผู้ประสบเหตุในพื้นที่อับอากาศ (Rescue)

สรุป

การทำงานในพื้นที่อับอากาศจำเป็นต้องควบคุมคุณภาพอากาศอย่างเข้มงวด โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญคือการคำนวณอัตราการระบายอากาศ (CFM: Cubic Feet per Minute) ให้เหมาะสมกับขนาดพื้นที่ เพื่อให้มีการหมุนเวียนอากาศเพียงพอในการลดปริมาณก๊าซอันตรายและเพิ่มปริมาณออกซิเจนตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัย สูตรที่นิยมใช้คือ Air Changes per Hour (ACH) ซึ่งช่วยให้ทราบว่าในหนึ่งชั่วโมงต้องมีการถ่ายเทอากาศในพื้นที่อับอากาศกี่รอบ ทั้งนี้สามารถคำนวณจากปริมาตรของพื้นที่และจำนวน ACH ที่เหมาะสม โดยทั่วไปใช้ค่า 6–20 ACH ขึ้นอยู่กับประเภทความเสี่ยง

ติดต่ออบรมการทำงานในที่อับอากาศกับทีมวิทยากรมืออาชีพของเรา

ศูนย์ฝึกอบรมของเรามีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ดำเนินการสอนทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติจริง โดยผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยระดับอุตสาหกรรม

✅ จัดอบรมในสถานประกอบการ (In-house) 
✅ รองรับตามกฎหมายความปลอดภัยในการทำงาน
✅ มีใบรับรองผ่านการอบรมถูกต้องตามกฎหมาย

📞 ติดต่อสอบถามและขอใบเสนอราคาได้ที่:
โทร: 064 958 7451
อีเมล: [email protected]
เว็บไซต์: อบรมที่อับอากาศ.com


แหล่งอ้างอิง

  1. National Institute for Occupational Safety and Health (NIOSH). (2020). Criteria for a Recommended Standard: Working in Confined Spaces.

  2. Occupational Safety and Health Administration (OSHA). (29 CFR 1910.146). Permit-Required Confined Spaces.

  3. ANSI Z117.1-2016. Safety Requirements for Entering Confined Spaces.

  4. สมาคมส่งเสริมความปลอดภัยและอนามัยในการทำงาน (ประเทศไทย). (2563). คู่มือการทำงานในที่อับอากาศ.

  5. American Conference of Governmental Industrial Hygienists (ACGIH). (2019). Industrial Ventilation: A Manual of Recommended Practice.


บทความที่น่าสนใจ

บริษัท เซฟตี้ เมมเบอร์ จํากัด

ทะเบียนนิติบุคคลเลขที่ : 0105565144344

 

เวลาทำการ : จันทร์ – เสาร์ (8.00 – 17.00 )

ติดต่อ

Copyright @2025 อบรมที่อับอากาศ Developed website and SEO by iPLANDIT